ช่วงน้ำท่วม โรคภัยที่มาพร้อมกับน้ำ
ภูนาริขอหยิบยกบทความดีๆ
"โรคภัยที่มากับน้ำท่วม"
วิธีการป้องกันรักษาให้คุณๆได้อ่านกันนะคะ
โรคน้ำกัดเท้าหรือ ฮ่องกงฟุต
จะมีอาการคันซึ่งเกิดจากเชื้อราที่เท้า
เมื่อเท้าเปียก ๆ ชื้น ๆ จะเป็นบ่อเกิดของเชื้อรา
หากในช่วงน้ำท่วม มักเป็นจากเท้าที่เปียกๆ ชื้นๆ บ่อยๆ
แล้วไม่ดูแลรักษาความสะอาดให้ดี
คันตามซอกนิ้วเท้าและผิวหนังลอกออกเป็นขุย ๆ
เป็นผื่นที่เท้า ที่พบบ่อยจะเกิดตรงซอกนิ้ว
แต่ก็สามารถลุกลามไปถึงฝ่าเท้าและเล็บได้
รักษาโรคราที่เท้า
ควรล้างเท้าให้สะอาดด้วยสบู่และเช็ดให้แห้ง
ใช้ครีมรักษาเชื้อราทา
ถ้าจำเป็นจะต้องเดินลุยน้ำหรือแช่น้ำควรสวมรองเท้าบู๊ท
โรคอุจจาระร่วง
ขณะเกิดภาวะน้ำท่วมเกิดจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย
สัมผัสเชื้อจากการกินอาหารหรือ
ดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรค
จากสิ่งปฏิกูลที่มาจาก น้ำท่วม
หรือจากการใช้น้ำที่ไม่สะอาดชำระล้างภาชนะใส่อาหาร
เช่น ถ้วย ชาม ช้อน ที่ปนเปื้อนปัสสาวะ อุจจาระ
ขยะมูลฝอยที่บูดเน่า
หรือจากการไม่ล้างมือให้สะอาดก่อนเตรียมหรือปรุงอาหาร
จะทำให้เกิดโรคติดต่อทางเดินอาหารต่าง ๆ ได้
การป้องกัน 1. ดื่มน้ำสะอาด น้ำบรรจุขวด
ถ้าจำเป็นต้องดื่มน้ำที่ท่วมควรต้มให้สุกก่อน
2. ล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้งก่อนกินอาหารและหลังการขับถ่าย
3. ภาชนะที่ใส่อาหารควรล้างด้วยน้ำสะอาดก่อนนำมาใช้
4. กินอาหารที่ทำสุกใหม่ๆ ที่ไม่มีแมลงวันตอม
5. รักษาความสะอาดในเรื่องการกำจัดขยะมูลฝอย
การกำจัดอุจจาระ ปัสสาวะที่ถูกต้อง
6. หลีกเลี่ยงการถ่ายอุจจาระในน้ำที่ท่วม
เพราะจะทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้
ในภาวะน้ำท่วมสูงควรถ่ายใส่ถุงดำ
แล้วโรยปูนขาวปิดปากถุงให้แน่น
รอเรือเก็บขยะมาเก็บ
7. ไม่ควรกินยาหยุดถ่ายเองควรปรึกษาแพทย์
โรคตาแดง
สาเหตุ
1. ใช้มือสกปรกที่อาจมีเชื้อโรคขยี้ตา
2. ใช้สิ่งของเครื่องใช้ร่วมกับผู้ที่เป็นโรคหรือเล่นกับผู้ป่วย
3. แมลงวันหรือแมงหวี่ตอมตา
หรือฝุ่นละอองเข้าตามาก ๆ จนตาอักเสบ
4. อาบน้ำในคลองสกปรก หรือที่มีตาแดงระบาด
การป้องกัน
ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วยโรคตาแดง
ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วยโรคตาแดง
ล้างหน้าและมือให้สะอาดอยู่เสมอ
ไม่ควรเอามือขยี้ตา
อาการ
เคืองตา น้ำตาไหล มีขี้ตามาก
อาการจะมีประมาณ 10 วัน
การรักษา
พักสายตาบ่อย ๆ
การรักษา
พักสายตาบ่อย ๆ
ประคบตาด้วยผ้าเย็น
และเช็ดตาด้วยสำลีชุบน้ำอุ่น
โรคฉี่หนู Leptospirosis
เชื้อโรคในตัวหนูจะออกมากับฉี่ของหนู
และปนเปื้อนอยู่ตามแหล่งน้ำ
ซึ่งเชื้อที่อยู่ตามแหล่งน้ำ
สามารถเข้าทางผิวหนังของผู้ป่วยที่มีบาดแผล
หรือรอยถลอกที่ผิวหนัง
และหากบริเวณบาดแผลไปสัมผัสกับน้ำที่มีเชื้อโรคฉี่หนู
เชื้อโรคก็จะเข้าสู่ตัวผู้ป่วย และก่อโรคได้
หลังจากได้รับเชื้อ
โดยเฉลี่ย 10 วันผู้ป่วยก็จะเกิดอาการของโรค
- ปวดศีรษะทันที มักจะปวดบริเวณหน้าผากหรือหลังตา
บางรายปวดบริเวณขมับทั้งสองข้าง - ปวดกล้ามเนื้อมาก
โดยเฉพาะบริเวณ ขา น่อง เวลากด หรือจับจะปวดมาก
-ไข้สูงร่วมกับหนาวสั่น
อาการต่าง ๆ อาจอยู่ได้ 4-7 วัน
ผู้ป่วยอาจมีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน
บางรายมีอาการถ่ายเหลว ปวดท้อง
การตรวจร่างกายในระยะนี้อาจพบว่าผู้ป่วยมีอาการตาแดง
การป้องกัน
- หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ แช่หรือลุยในน้ำ
- หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ แช่หรือลุยในน้ำ
ที่อาจปนเปื้อนเชื้อปัสสาวะของสัตว์นำโรค
ถ้าจำเป็นควรสวมรองเท้าบู๊ท
- ล้างเท้าหรือส่วนที่แช่อยู่ในน้ำเมื่อขึ้นจากการแช่น้ำทุกครั้ง
และรีบอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายทันที- เมื่อมีอาการน่าสงสัย
เช่น มีไข้ ปวดศรีษะรุนแรง
ปวดกล้ามเนื้อน่อง โคนขา หลัง
หรือมีอาการตาแดง ให้รีบพบแพทย์ด่วน
การรักษา ก่อนอื่นผู้ป่วยจะต้องไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
และยาที่มักจะได้รับ คือ ยาปฏิชีวนะ
(ห้ามซื้อยารับประทานเองเด็ดขาด
เพราะอาจเกิดอันตรายถึงชีวิต)
โรคเครียด
ภาวะเช่นนี้
ทุกคนที่ประสบภัยน้ำท่วม
หรือกำลังอยู่ในที่ที่มีความเสี่ยงที่อาจถูกน้ำท่วม
ก็จะเกิดภาวะเครียดเป็นธรรมดามากหรือน้อยขึ้นกับหลายปัจจัย
เช่น ปัจจัยส่วนตัวของผู้นั้นเองว่ามีความมั่นคงทางอารมณ์มากน้อยเพียงใด
แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีเพียงใด
และอีกปัจจัยที่มีผลต่อความรุนแรงของความ เครียด
คือขนาดของความเสียหาย หากขนาดของความเสียหายมาก
ก็มีโอกาสที่จะมีความเครียดรุนแรงได้ หากมีอาการเครียดมากจน
ทำให้การทำกิจวัตรประจำวันเสียไป
นอนไม่หลับ ก็ควรไปพบแพทย์ เพื่อรับคำแนะนำ
และแพทย์อาจให้ยาคลายเครียดช่วย
ในรายที่มีอาการมาก จนรบกวนการดำรงชีวิตประจำวัน
และในรายที่อาการมาก อาจต้องพบจิตแพทย์
“ ข้อมูล ข้างต้นที่ได้นำเสนอไปนั้น
หวังว่าท่านผู้อ่านจะได้รับประโยชน์ในช่วงวิกฤตเช่นนี้ไม่มากก็น้อย
อย่างไรก็ตาม คุณหมอและกองบรรณาธิการวารสารศิริราชประชาสัมพันธ์
ขอร่วมเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบอุทกภัยทุกท่าน
ให้มีกำลังใจฟันฝ่าอุปสรรคนี้ไป อย่างมั่นคง
Info: Siriraj E-Public Libray
ดูแลรักษาสุขภาพท่านด้วยนะคะ
ด้วยความห่วงใย
ภูนาริ108
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น