วิธีดูแลเส้นผมที่คุณรัก

ภูนาริขอแนะนำ
เคล็ดลับดี ๆที่คุณสาวๆสามารถ
นำไปปฏิบัติได้ในชีวิตประจำวัน
เพื่อความงามของเส้นผม
เพิ่มเสน่ห์บุคลิก
ของความเป็นผู้หญิงอย่างแท้จริง
 
สำหรับสาว ๆผมชี้ฟู 
ผมยุ่งพันกันจัดทรงยาก
ควรใช้ทรีตเม้นท์บำรุงเส้นผม
สูตรผมเรียบลื่นไม่ชี้ฟูนุ่มสลวยไม่พันกัน
ลูบไล้ ลีฟ-ออน บนผมที่แห้งหรือเปียก
โดยไม่ต้องล้างออก ก่อนเป่าผม
หรือใช้ควบคู่กับ
ผลิตภัณฑ์ตกแต่งทรงผม
แค่นี้คุณก็พร้อมที่จะปล่อยผมสวย
ได้ในทุก ๆวันแล้วล่ะค่ะ
สำหรับผู้ที่ผมแห้งเสีย 
แตกปลาย ไม่เงางาม
ควรเลือกหาแชมพูและครีมนวด
ที่มีส่วนผสมของโปร-วิตามิน บี 5
ช่วยบำรุงเส้นผม มอบความชุ่มชื่น
ให้ผมเปล่งประกายเงางาม
อ่อนนุ่มดุจแพรไหม
เส้นผมไม่พันกันพร้อมกับ
บำรุงเส้นผมด้วยเซรั่ม
โดยการลูบไล้เซรั่ม
บนผมที่แห้งหรือเปียก
โดยไม่ต้องล้างออก
เพื่อประสิทธิภาพแห่งผม
เป็นประกายเงางาม จัดทรงง่าย 
แต่ถ้าคุณมีผมแห้งเสียอย่างหนัก
จากการถูกทำลาย
ด้วยความร้อน สารเคมี หรือมลภาวะ
ควรเลือกใช้แชมพูและครีมนวด
สำหรับผมเสียหรือแห้งแตกปลาย
ด้วยสูตรผสานส่วนผสม
ของเคราติน คอนดิชั่นเนอร์
ที่ช่วยบำรุงเส้นผม
ไม่กลับมาแห้งเสียหรือแตกปลาย
ให้ผมนุ่มสลวยดุจแพรไหม
สุขภาพผมดี สวย เป็นเงางาม
พร้อมบำรุงเส้นผม
ด้วยการใช้ทรีตเม้นท์ มาสก์
ชโลมในปริมาณที่พอเหมาะ
ให้ทั่วเส้นผม
ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที
แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
เพื่อประสิทธิภาพแห่ง
ผมสวยแข็งแรงและมีสุขภาพดี 
ถ้าต้องเผชิญกับปัญหา
ผมไร้น้ำหนักจัดทรงยาก
ควรใช้แชมพูและครีมนวด
เพื่อประสิทธิภาพของเส้นผมเหยียดตรง
และเรียบขึ้นพร้อมมอบความชุ่มชื่น
และช่วยป้องกันเส้นผมชี้ฟู
ให้เส้นผมนุ่มสลวย เรียบตรง
เป็นเงางามด้วย สมูทติ้ง ครีม
โดยการชโลมครีม
ให้ทั่วเส้นผมที่เปียกหมาด
หวีให้ทั่วศีรษะ
จัดแต่งทรงผมตามต้องการ
สำหรับผู้ที่มีหนังศีรษะแห้งมีรังแค
ควรใช้แชมพูและครีมนวดที่มี
ส่วนผสมของซิงค์ไพริธิออน
ช่วยลดอาการคันหนังศีรษะ
พร้อมขจัดรังแคให้ผมคุณนุ่ม
ลื่นดุจแพรไหม และมีสุขภาพดี
และอย่าลืมปิดท้าย
ด้วยทรีตเม้นท์บำรุง
ที่จะช่วยคืนชีวิตชีวาให้กับหนังศีรษะ
ถ้าหากคุณต้องการจัดแต่งทรงผม
ให้อยู่ทรงตามต้องการ
โดยไม่ต้องพึ่งร้านทำผม
เพื่อเป็นการประหยัดเวลา
และทำให้คุณรู้สึกสบายกระเป๋าแล้วละก็
ลองหาเจลหรือสเปรย์จัดแต่งทรงผม
สำหรับทุกสภาพผม
ที่สามารถตกแต่งทรงผม
ให้อยู่ทรงตามสไตล์ที่คุณต้องการ
ลองใช้สูตรแอลกอฮอล์-ฟรี
จะช่วยในการบำรุงเส้นผม
แค่นี้ก็ทำให้ผมของคุณ
อยู่ทรงนานหลายชั่วโมง
พร้อมบำรุงเส้นผมนุ่มสลวย
มีน้ำหนักจัดทรงง่าย
คุณสาว ๆ เตรียมพร้อมต้อนรับผมสวย
อย่างใจต้องการ
จนใคร ๆ ก็รู้สึกอิจฉาเลยล่ะค่ะ


เทคนิคแต่งหน้าสไตล์สาวเกาหลี

ใครๆก็อยากสวยใสแบบสาวเกาหลี
ภูนาริมีเคล็ดลับดีๆมาบอก
รับรองเลยนะคะว่า
การแต่งหน้าครั้งต่อไป
คุณสาวๆจะดูเกาหลีสุด ๆ 
สวยวิ้งวิ้งเลยล่ะค่ะ
สิ่งจำเป็นที่ต้องมี...
 
BB Cream เป็นไอเทมที่ขาดไม่ได้
เรียกได้ว่าขาดเธอขาดใจ
หัวใจสำคัญคือเลือกสีให้เหมาะกับผิวหน้า
บีบี ครีมนอกจากจะให้แทนรองพื้นได้แล้ว
ยังช่วยให้ผิวหน้าดูสุขภาพดีอีกด้วย 
แป้งฝุ่น แป้งหนา ๆ .. เราไม่เอา
อย่าคิดไปว่าโบกแป้งหน้าๆจะได้ดูเนียนเด้ง
จริงๆแล้วสีผิวหน้าเราดูดี
ควรแก่การโชว์จะตายไป
การลงแค่แป้งฝุ่นจะดีกับคุณมากกว่า
เพราะแป้งพัพอาจเกิด
การเปลี่ยนสีเมื่อโดนเหงื่อ
หรือเวลาผ่านไป ยิ่งทำให้หน้าดูหมอง
สังเกตุเวลาที่เช็ดเครื่องสำอาง
ผิวของเราดูดีกว่าตอนมีแป้งเยอะเลย
อายแชร์โด้ เป็นอีกไอเทม
ที่ขาดไม่ได้เลยนะ
อย่าคิดว่าไม่ใช้ก็ไม่มีใครเห็น
ดวงตาใสๆของสาวๆเกาหลี
หากคุณมองใกล้ๆ
พวกเธอทาอายแชร์โด้ไว้ตลอดล่ะ
เพราะไม่ได้เป็นสิ่งยุ่งยากอะไร
ขอแค่ใช้อายแชร์โด้สีเบจ
สีประกายเล็กน้อย
หรือสีชมพูอ่อนทา
ไปบนเปลือกตาก่อนเขียนอายไลน์เนอร์
ก็ช่วยสร้างความดึงดูดได้อย่างลับๆ
มาสคราร่า จะบอกว่า
สำคัญกว่าอายไลน์เนอร์อีกนะ
ขนตางอนๆช่วยให้ผู้หญิงดูอ่อนโยน
ทุกครั้งที่กระพริบตาหนุ่ม
เป็นต้องหันมามองทุกครั้ง
เพียงแค่ปัดมาสคราร่า
ให้เรียงตัวงอนออกรอบดวงตา
อย่าหวังพึ่งคนตาปลอม
เพราะมันดูไม่ธรรมชาติ
และดูเกินความจำเป็น
อายไลน์เนอร์ ไม่เอ่ยถึงสิ่งนี้คงไม่ได้
แต่สำหรับสาวไทยตาคมแล้ว
การรีดอายไลน์เนอร์ ที่ดูหน้าเกินไป
จะทำให้ดูดุหนุ่มๆไม่กล้าเข้าใกล้แน่นอน
วิธีที่ดาราเกาหลีนิยมใช้กันมากๆ เลยก็คือ
การเขียนขอบตาไว้ด้านใน
โดยเขียนไปตามแนวขอบตาบน
ให้ชิดกับขนตาด้านใน
อย่าหนาเกินแนวขนตา
แค่นี้ก็ช่วยให้ดูตากลมน่าสบตาด้วยแล้ว
ลิปกลอส การลงลิปสติก
นั้นอาจดูมากไป
และทำให้สาวๆดูมีอายุได้
ดังนั้นการทาเพียงลิปกรอสบางๆ
ให้ปากดูสุขภาพดี
เพียงแค่นี้ก็ช่วยให้สวยและ
ไม่หนักจนเกินไป





ข้อมูลดีๆจาก... Woman Plus

ผิวขาว ด้วยวิธีธรรมชาติ

เคล็ดลับ วิธีทําให้ผิวขาว
บอกลาผิวหม่นหมอง
ด้วยวิธีธรรมชาติๆ มาฝากเพื่อนๆ กันค่ะ



1. การขัดผิว
เป็น วิธีทําให้ผิวขาว 
ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิว 
ใช้สครับที่มีขายตามท้องตลาด 
หรือจะเป็นสครับจากธรรมชาติง่าย ๆ 
ได้แก่ มะละกอ นมสด มะขามเปียก น้ำผึ้ง โยเกิร์ต มะนาว  
โดยนำอย่างใดอย่างหนึ่งมาผสมกับเกลือทะเล
เพื่อให้มีเม็ดสำหรับขัดผิว 
เพียงเท่านี้คุณก็มีสครับขัดผิวได้ง่าย ๆ 
หรือจะใช้ใยบวบในการช่วยขัดผิวก็ได้ 
การขัดผิวนี้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า
ให้หลุดลอกออกไป 
เผยผิวใหม่สว่างใสกว่าเดิม 
ควรทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง 
เพื่อการปรนนิบัติและดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง
2. เอเอชเอ 
หรือกรดผลไม้ 
มีขายทั่วไปตามคลินิกเสริมความงาม
หรือร้านขายยาทั่วไป 
ใช้สำหรับทาบนใบหน้าสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
เพื่อกระตุ้นให้เซลล์ผิวเก่าหลุดลอกออกมา
เป็น วิธีทําให้ผิวขาว 
เผยผิวใหม่ที่ขาวผ่อง 
แต่การใช้เอเอชเอนี้ 
ต้องดูแลและระวังเรื่องการออกแดด
เพราะผิวคุณจะบางลงและไวต่อแดดมากกว่าเดิม 
 3. น้ำนมเพื่อผิวขาว 
วิธีทําให้ผิวขาว ได้ง่าย ๆ 
ใช้น้ำนมทาบนผิวโดยตรง 
อาจใช้ใยบวบช่วยเพื่อขัดผิวไปด้วยเบา ๆ
ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที
ทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ผิวจะค่อย ๆขาวขึ้น 
4. ผลไม้รสเปรี้ยวขัดเซลล์ที่ตายแล้ว
ขัดเหงื่อไคล
เป็น วิธีทําให้ผิวขาว
อย่างเป็นธรรมชาติ 
โดยใช้ผลไม้รสเปรี้ยว 
เช่น มะนาว สับปะรด มะขามเปียก ส้ม 
เพราะมีความเป็นกรด 
ช่วยทำความสะอาดผิวให้ขาวใส
และกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
ให้หลุดลอกออกมาได้ 
แต่หากคุณเป็นคนผิวบาง 
ไม่ควรใช้มะนาวหรือสับปะรด
ที่มีความเป็นกรดสูง 
ควรใช้ส้มเช้งที่มีคุณสมบัติคล้าย ๆ กันก็ได้ 
5. ครีมบำรุงเพื่อผิวขาว 
ควรใช้ครีมบำรุงที่มีไวท์เทนนิ่ง
เพื่อผิวขาวในตอนเย็น 
และทาซ้ำก่อนนอน
ส่วนตอนกลางวันให้ทาไวท์เทนนิ่งเพียงบาง ๆ
แล้วตามด้วยครีมกันแดด 
หรือจะใช้ไวท์เทนนิ่ง
ที่มีส่วนผสมของสารป้องกันแสงแดดก็ได้ 
แต่หากอยู่บ้าน
ไม่ได้ออกไปเผชิญแสงแดดเลย 
ใช้ไวท์เทนนิ่งตัวเดียวทาวันละ 2-3 ครั้ง 
 6. ครีมกันแดด  
ต้องมีติดกระเป๋าอยู่ตลอดเวลา 
ในกรณีที่คุณต้องเผชิญกับแสงแดดจัด
โดยไม่ได้วางแผนมาก่อนจะได้หยิบขึ้นมาใช้ 
ได้ทันการทันเวลา 
และอย่าลืมว่า 
ครีมกันแดดจำเป็นอย่างยิ่ง 
ถ้าหากคุณเพิ่งขัดผิว
หรือใช้เอเอชเอกับผิวมาหมาด ๆ
ผิวคุณจะไวต่อแดดมาก 
จึงควรทาครีมกันแดด 20 นาที
ก่อนออกแดดทุกครั้ง 
และทาซ้ำอีกทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง 
7. ทานอาหารให้เหมาะสม 
ให้มีผักและผลไม้ในทุกมื้อ
ช่วยเรื่องของการขับถ่าย 
และยังมีแอนตี้อ็อกซิแดนซ์
ทำให้ผิวสวยกระชับอีกด้วย 
ซึ่งเมื่อร่างกายขับถ่ายตามปกติแล้ว 
หน้าตาผิวพรรณก็จะสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 
 8. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ  
การออกกำลังกายจะช่วยขับเหงื่อไคล 
และสิ่งสกปรกใต้ผิวรวมถึงสารพิษออกมา 
ทำให้ผิวดูสว่างสดใสขึ้น ยิ่
งออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง 
ยิ่งทำให้ผิวสดใสอยู่ตลอดเวลา 
แถมการออกกำลังกาย
ยังช่วยลดการอุดตันของสิ่งสกปรกใต้ผิว 
ทำให้ไม่มีสิวอีกด้วย 
9. วิตามินซีเพื่อผิวสวย 
การทานผักผลไม้เพิ่มวิตะมินซี 
เช่น ส้ม ฝรั่ง มะนาว
วิตามินซีมีสรรพคุณช่วยให้ผิวสวยสดใส 
หากได้รับในแต่ละวันไม่เพียงพอ 
อาจจะทานวิตามินแบบเม็ดที่ขายในร้านขายยา
10. การอบไอน้ำผิวหน้า 
เป็นการทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อุดตัน
อยู่ในรูขุมขนอย่างลึกซึ้ง 
ช่วยทั้งเรื่องของผิวสะอาดสว่างใส 
เป็นวิธีทําให้ผิวขาว 
และช่วยขจัดสิวไปพร้อม ๆ กัน
โดยวิธีอบไอน้ำผิวหน้านั้นก็ทำได้ง่าย ๆ 
เพียงตั้งกะทะหรือหม้อต้มน้ำจนเดือด 
จากนั้นตั้งกะทะหรือหม้อต้มน้ำ
 มาวางบนโต๊ะแล้วยื่นหน้าให้อยู่เหนือไอน้ำ
ความร้อนจะช่วยเปิดรูขุมขน 
และไอน้ำจะเข้าไปทำความสะอาด
สิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนค่ะ 
11. เมคอัพช่วยได้ 
ใช้ครีมรองพื้น
และแป้งที่สว่างกว่าผิวจริง 1 ระดับสี 
หลังจากแต่งหน้าแล้วให้นำพู่กัน
แตะแป้งกลิตเตอร์ประกายมุกปัดบริเวณหน้า 
ผากและโหนกแก้ม 
ก็จะช่วยให้หน้าดูสว่างใสขึ้นได้เยอะเลยทีเดียว
12. สารพัดสูตรพอกหน้า 
นอกจากการขัดผิวแล้ว 
สาว ๆ ที่อยากมีผิวขาวสุขภาพดีควรพอกหน้า 
รวมถึงผิวกายให้ได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง 
โดยสูตรผิวขาวที่สามารถทำเองได้จาก
วัตถุดิบในบ้านนั้นก็มีมากมาย 
ที่สำคัญยังเห็นผลชัดอีกด้วยหากทำอย่างต่อเนื่อง



ที่มา : kapook.com

หูอื้อ...ทำอย่างไรดี

หลายคนมาปรึกษาว่า
ขึ้น-ลงเครื่องบิน ปวดหู หูอื้อ...ทำอย่างไรดี


หรือบางทีก็บ่นว่าหูอื้อ เป็นเพราะอะไร
ภูนาริมีคำตอบค่ะ

โดยปกติร่างกายเรามีท่อยูสเตเชี่ยน
ซึ่งเป็นท่อที่ช่วย
ปรับความดันของหูชั้นกลาง
ให้เท่ากับบรรยากาศภายนอก
เมื่อใดที่ท่อนี้ทำงานผิดปกติไป
จะทำให้เกิดอาการ
หูอื้อ ปวดหู มีเสียงดังในหู
หรือเวียนศีรษะ บ้านหมุนได้ 

ตัวอย่างในชีวิตประจำวัน
ที่เราพบได้บ่อยคือ
เวลาขึ้นหรือลงลิฟต์เร็วๆ
หรือเครื่องบินขึ้นหรือลงเร็วๆ
จะมีอาการหูอื้อ ปวด

ดังนั้น เราจะทำอย่างไรดี
เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาปวดหู
เวลาเครื่องบินขึ้นหรือลง
มีคำแนะนำดังนี้ค่ะ
1.เวลาเดินทาง
ควรป้องกันตนเองไม่ให้เป็นหวัด
หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้
ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง
เช่น เครียด นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
การสัมผัสอากาศที่เย็นมากเกินไป
ขณะนอนเปิดแอร์หรือพัดลมเป่าจ่อ
ไม่ได้ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายเพียงพอ
การดื่มน้ำแข็ง น้ำเย็นจัด
หรืออาบน้ำเย็น ตากฝน
หรือสัมผัสอากาศ
ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
จากร้อนเป็นเย็นจากเย็นเป็นร้อน
หรือมีคนรอบข้างที่ไม่สบายคอยแพร่เชื้อให้
สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคจมูก
หรือไซนัสอักเสบเรื้อรัง
ควรป้องกันไม่ให้อาการทางจมูก
หรือไซนัสกำเริบ
โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการ
เช่น ความเครียด
นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
อารมณ์เศร้า วิตกกังวล เสียใจ 
ฝุ่นควัน  อากาศที่เปลี่ยนแปลง
การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
หรือเป็นหวัด
เนื่องจากถ้ามีการอักเสบในโพรงจมูก
จะส่งผลถึงรูเปิดของท่อยูสเตเชี่ยน
ซึ่งอยู่ที่โพรงหลังจมูก
ทำให้การทำหน้าที่ของ
ท่อยูสเตเชี่ยนผิดปกติไป
เกิดปัญหาของหูดังกล่าว
 
ถ้ามีอาการทางจมูก เช่น คัน จาม
คัดจมูก น้ำมูกไหล
และจำเป็นต้องขึ้นเครื่องบิน
ควรใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการทางจมูก
เช่น รับประทานยาแก้แพ้ ยาหดหลอดเลือด
หรือใช้ยาพ่นจมูก อาจร่วมกับการล้างจมูก
หรือการสูดไอน้ำร้อน
เพื่อทำให้การอักเสบภายในจมูกลดน้อยลง
ซึ่งจะส่งผลให้เยื่อบุรอบรูเปิดท่อยูสเตเชี่ยนยุบบวมลง
ทำให้ท่อยูสเตเชี่ยนกลับมาทำงานปกติได้เร็วขึ้น
 
ควรปรึกษาแพทย์ในการใช้ยา
แพทย์อาจจะให้รับประทานยาหดหลอดเลือด
oral decongestant
เช่น pseudoephedrine
ก่อนเครื่องบินขึ้นหรือลง ประมาณครึ่งชั่วโมง
หรือแพทย์อาจจะให้พ่นยาหดหลอดเลือด
topical decongestant
เช่น ephedrine, oxymetazoline
ก่อนเครื่องบินขึ้นหรือลง ประมาณ 5 นาที
ตามแผนการรักษา

3.นอกจากนั้น ควรทำให้ท่อยูสเตเชี่ยน
ทำงานเปิด/ ปิดอยู่ตลอด
ระหว่างเครื่องบินขึ้นหรือลง
ด้วยวิธีการเคี้ยวหมากฝรั่ง
เพื่อให้มีการกลืนน้ำลายบ่อย ๆ
ขณะกลืนน้ำลาย
จะมีการเปิดและปิดของท่อยูสเตเชี่ยน
หรือบีบจมูก 2 ข้างและกลืนน้ำลาย 1 ครั้ง
ท่อยูสเตเชี่ยนจะปิด
และเอามือที่บีบจมูกออกและกลืนน้ำลาย 1 ครั้ง
ท่อยูสเตเซียนจะเปิดและปิด
ขณะที่เป็นหวัดหรือไซนัสอักเสบ
มีการติดเชื้อในจมูก
ไม่ควรบีบจมูก และ
เป่าลมให้เข้ารูเปิดของท่อยูสเตเชี่ยน
พราะจะทำให้เชื้อโรคในจมูก
เข้าไปสู่หูชั้นกลางได้
4.ถ้าได้ป้องกันอาการของหู
ก่อนขึ้น/ลงเครื่องบินดังข้อ 2
แล้วยังมีอาการทางหูอยู่
ควรปรึกษาแพทย์
อาจจำเป็นต้องพ่นหรือหยอดยาหดหลอดเลือด
เข้าไปในจมูกอีกทุก 10 -15 นาที
และทำให้ท่อยูสเตเชี่ยนทำงานเปิด/ปิดอยู่ตลอด
ดังอธิบายไว้แล้วในข้อ 3
ดังนั้นผู้ที่มีปัญหาเรื่องหูเวลาขึ้น/ลงเครื่องบิน
ควรพกยาหดหลอดเลือดชนิดพ่น
และชนิดรับประทานไว้ด้วยเสมอ
เท่านี้....การเดินทางก็จะราบรื่น
ปราศจากอาการของหูที่จะรบกวนอีกต่อไป

ที่มา ... แพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

สิว...สูตรผิวสวยใส...ไร้สิว

เรื่องดีๆมีไว้บอกเพื่อน
สูตรผิวสวยใส...ไร้สิว
"ความมั่นใจ x จิตใจดี - สิวและผิวมัน = หนุ่มตามจีบ"

  
ทำยังไง ผิวจะสวยใส...ไร้สิว 
จริงๆแล้วแค่มีใบหน้าที่ใสสะอาด
ก็ทำให้สวยน่ามองได้
แต่จะทำอย่างไร
ถ้ามีสิวเป็นอุปสรรค
ปัญหาสิวไม่ใช่เรื่องยาก
แก้ที่ต้นเหตุ
ด้วยการดูแลความสะอาด
และการดูแลฮอร์โมนให้สมดุลนั่นเองค่ะ

สิวกับฮอร์โมนเกี่ยวกันอย่างไร
การที่ร่างกายมีฮอร์โมนแอนโดรเจนมากไป
จะทำให้ต่อมไขมันผลิตไขมันมากกว่าปกติ
เกิดภาวะแอนโดรเจนไนเซชั่น
(Androgenization)ได้แก่
การเกิดสิว ผิวมัน ขนดก

การดูแลรักษาผิวเพื่อป้องกันการเกิดสิว
คำแนะนำจากการแพทย์ผู้เชียวชาญด้านผิวหนัง
มีดังนี้ค่ะ 
 

1.ควรล้างหน้าเช้า เย็นแต่ไม่ควรเกินวันละ3ครั้ง
2.อย่าเช็ดถูหน้าแรงๆ
ควรซับด้วยผ้าขนหนูสะอาดๆเบาๆ
3.อย่าใช้เครื่องสำอางเกินความจำเป็น
4.ถ้าต้องสัมผัสแดดควรใช้ครีมกันแดด

 

5.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
โดยเฉพาะพวกวิตะมินเช่นวิตะมินA-E
6.ออกกำลังกายเพื่อให้โลหิตหมุนเวียนดี
7.ทำจิตใจให้ร่าเริงผ่องใส
เพราะ ความเครียดก็เป็นสาเหตุสำคัญ
ของการเกิดสิวค่ะ

วิธีรักษาสิว
การรักษาสิวต้องอาศัยเวลา
ส่วนใหญ่สิวจะดีขึ้น
หลังได้รับการรักษา1-2เดือน
แต่ถ้าเป็นไม่มาก
แค่รักษาความสะอาดให้ดี
เลี่ยงปัจจัยกระตุ้นต่างๆ
รวมกับใช้ยาทา
หรือยาฆ่าเชื้อP.acne
ในบางครั้ง
ต้องใช้ยาทาร่วมกันหลายชนิด
ในรายที่เป็นสิวรุนแรง
หรือเป็นเรื้อรัง


มีโอกาสเกิดรอยแผลเป็นมาก
อาจต้องใช้ยาทานร่วมด้วย
ปัจจุบันมียาหลายประเภท
ที่มีการนำมาใช้
เพื่อรักษาสิว
เช่นยาลดการอักเสบ
รวมทั้งยาปรับฮอร์โมน
ในกลุ่มยาต้านแอนโดรเจน
โดยเฉพาะกลุ่มที่มีผิวมัน
ทั้งนี้การเลือกใช้ยารับประทาน
ควรอยู่ภายใต้การดูแลจากแพทย์
หรือเภสัชกรนะคะ


ผู้หญิงกับการลงทุน....(ฮาดี)


จอการ์ตูนน่ารัก ขำขำมาฝากกัน
เรื่องนี้เป็นข้อคิดให้รู้ว่า
การรู้จักลงทุน ออมก่อนรวยกว่าน่ะดีแล้ว
แต่คุณสาวๆอย่าลืมว่า
การลงทุนดูแลตัวเองให้ดูดี
ถือว่าเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งเหมือนกันนะคะ

ด้วยรักและห่วงใย จาก
ภูนาริ

วิธีการนวดหน้าลดริ้วรอยด้วยตนเอง ใน 2นาที

ทำไมถึงมีต้องการนวดหน้า

 


เรามีคำตอบค่ะ
การนวดหน้านั้น
จะทำให้ผิวของเราได้กลับฟื้น
คืนความชุ่มชื่น
ช่วยกระตุ้น
ให้ผิวตื่นตัวอยู่เสมอ
เหมือนผิวของเรานั้น
ได้ออกกำลังกายเป็นประจำ
แถมยังช่วยควบคุม
และกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต 
กระตุ้นต่อมเหงื่อและไขมัน 
ช่วยส่งผลให้
เกิดการผลัดเซลล์ของผิวชั้นนอก
และเซลล์ผิวชั้นในคงความยืดหยุ่น 
เกิดความแข็งแรงของผิว
นอกจากนั้น
วิธีการนวดโดยใช้นิ้วมือค่อยๆกดจุด
จะช่วยทำการรักษาสมดุล
และยังช่วยกระตุ้นการทำงานและ
ช่วยเผาผลาญของเซลล์ผิวอีกด้วย
ลดการหย่อนยาน 
และช่วยลดริ้วรอยอีกด้วย
วิธีการนวดหน้าลดริ้วรอยด้วยตนเอง
ทำได้ง่ายๆใช้เวลาใช้เวลาไม่ถึง2นาทีค่ะ


เริ่มด้วย
ล้างหน้าล้างมือให้สะอาด 
รวบหรือคาดผม
ให้เรียบร้อยเสียก่อน 
แล้วแตะครีมนวดหน้า
แต้ม 5 จุดบนใบหน้า 
ได้แก่ หน้าผาก แก้มซ้าย แก้มขวา จมูก คาง 
แล้วเกลี่ยให้ทั่วใบหน้า 
ลงมือนวดหน้ากันเลยค่ะ




1. หน้าผาก 
ใช้ฝ่ามือทั้ง 2 ข้าง
วางแนบบริเวณหน้าผาก 
ทิ้งน้ำหนักศีรษะลงบนฝ่ามือ 
ค้างไว้ประมาณ 5 – 10 วินาที
ประโยชน์ 
ช่วยให้ผิวเรียบเนียน
และชะลอการเกิด
ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก




2. รอบดวงตา 
เลื่อนสันฝ่ามือลงมา 
ให้ฝ่ามือทาบบริเวณรอบดวงตา 
ทิ้งน้ำหนักศีรษะลงบนฝ่ามือ
ค้างไว้ประมาณ 15 วินาที
ประโยชน์ 
ช่วยให้ผิวรอบดวงตาเรียบเนียน 
ลดรอยบวมรอยคล้ำ
และถุงน้ำรอบดวงตา 
ท่านี้จะช่วย
ผ่อนคลายความอ่อนล้า
อันเนื่องมาจากการใช้สายตา
และอายุที่เพิ่มขึ้น 
คุณสามารถค้างท่านี้ไว้
ได้นานเท่าที่คุณต้องการ




3. แก้ม 
เลื่อนฝ่ามือลงมา
บริเวณแก้มทั้ง 2 ข้าง 
ทิ้งน้ำหนักศีรษะลงบนฝ่ามือ 
ค้างไว้ประมาณ 15 วินาที
ประโยชน์ 
ท่านี้ช่วยขจัดของเหลวคั่งค้างใต้ผิว 
ตัวการที่ทำหน้าใบหน้าดูอิ่ม กลม




4. คางและแนวกราม 
วางฝ่ามือแนบบริเวณคาง
และแนวกรามทั้ง 2 ข้าง 
ทิ้งน้ำหนักศีรษะ ค้างไว้
ประมาณ 15 วินาที
ประโยชน์ 
ท่านี้แนะนำสำหรับผู้มีวงหน้าที่ดูหนัก 
ช่วยขจัดของเหลวคั่งค้างบริเวณแนวคาง

เท่านี้ใบหน้าของเราก็สวยใส่เด้งล่ะค่ะ



อายุการใช้งานเครื่องสำอาง เครื่องสำอางหมดอายุดูยังไง

เครื่องสำอางมีอายุใช้งานเหมือนกันนะคะ
ลองมาดูกันว่า เมคอัพแต่ละชนิด
มีอายุการใช้งานนานประมาณเท่าไหร่
แล้วอะไรที่บ่งบอกเราว่าเมคอัพ
หมดอายุก่อนเวลาอันควร
ถ้าคุณๆเผลอไปใช้หรือยังทนใช้
อาจทำให้ใบหน้าของเรา
เกิดการแพ้เป็นผื่นเป็นสิว
จากเสียน้อยจะกลายเป็นเสียมาก
ต้องระวังกันหน่อยนะคะ


แป้ง
แป้งฝุ่นจะใช้ได้นาน2ปี
ส่วนแป้งแข็งจะอยู่ได้ราวหนึ่งปี
เพราะน้ำมัน
ที่สะสมอยู่ในPuffหรือฟองน้ำหรือที่ใช้
ทำให้มันเสียได้ง่ายกว่า
ดังนั้นคุณๆควร
ทำความสะอาดPuffหรือฟองน้ำ
อย่างสม่ำเสมอหรือ
จะไปหาซื้ออันใหม่มาเปลี่ยนก็ได้ค่ะ
ถ้าตลับแป้งไม่ได้มีส่วนที่แยกไว้เก็บPuff
คุณสาวๆต้องเก็บแผ่นพลาสติก
ที่รองกั้นระหว่าง
แป้งกับPuffหรือฟองน้ำเอาไว้นะคะ
เพื่อไม่ให้มันไปสัมผัส
กับแป้งได้โดยตรง

 
รองพื้น
มีสองแบบ
คือแบบสูตรน้ำกับสูตรน้ำมัน
สูตรน้ำมีอายุราว12เดือน
สูตรน้ำมันจะอยู่ได้นานกว่าคือ18เดือน
หลังจากเปิดใช้
ถ้าคุณสังเกตเห็นสีเปลี่ยนไป
หรือมีกลิ่นไม่ดีก่อนเวลา
แนะนำว่าไปหาซื้อใหม่ได้แล้วล่ะค่ะ
เพราะแสดงว่าหมดอายุการใช้งานแล้ว

คอนซีลเลอร์
สามารถใช้งานได้นานถึง12เดือน
แต่ถ้ามันเริ่มแห้งแข็ง
ก็ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแล้วละค่ะ


อายแชโ้ดว์และบลัชออน
สามารถใช้ได้นานถึง3ปี
แต่ถ้ามันเริ่มแตกร่อน
ถึงเวลาที่คงต้องโยนมันทิ้งแล้วล่ะค่ะ

ดินสอเขียนขอบตา
อยู่ได้นานถึง3ปี
แต่ให้แน่ใจว่า
เหลามันอยู่เสมอ
ส่วนแบบที่ไม่ต้องเหลา
อาจแห้งได้ง่ายกว่า
และถ้ามันแห้งก็ควรโยนทิ้งนะคะ

 
มาสคาร่า
ใช้ได้ราว4เดือน
ถ้าเก็บไว้นานกว่านั้น
มันจะแห้งแข็งและทาได้ยากนะคะ


ลิปสติก
มีอายุการใช้งานหนึ่งถึงสองปี
แต่วิธีที่ดีที่สุด
ที่จะตัดสินว่าหมดอายุหรือยัง
ให้ลองดมกลิ่น
ถ้ามันมีกลิ่นแปลกไปจากที่เคยใช้
ก็ถึงเวลาโยนทิ้งล่ะค่ะ

ยาทาเล็บ
แนะนำว่าพยายาม
อย่าให้มีอะไรปนเปื้อนลงไปในขวด
และปิดฝาให้สนิท
จะทำให้ใช้งานใช้ได้ราวหนึ่งปีเชียวค่ะ

ข้อมูล:Lisaguru